ธรรมะสอนใจเรื่อง โลกนี้มีแต่ความทุข์

โลกนี้มีแต่ความทุกข์ ธรรมะสอนใจโดยหลวงพ่อปัญญานันทะ

โลกนี้มีแต่ความทุกข์ เป็นธรรมะสอนใจ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้นเป็นความจริง ให้เราพิจารณา เราอย่าไปเชื่อตามที่พระองค์บอกก่อน แต่เราเอาไปนั่งคิดพิจารณาไตร่ตรองในเรื่องนี้


จนกระทั่งมันเห็นชัดเจนด้วยใจของเราเอง เมื่อเห็นชัดด้วยใจของเราเองก็เชื่อได้ว่า อ้อ! จริงอย่างนั้นเพราะในทางพระพุทธศาสนานั้น ไม่ต้องการให้ใครเชื่อง่ายๆ

พระพุทธเจ้าไม่ต้องการให้พุทธบริษัทเป็นคนเชื่อง่ายเชื่อดายในเรื่องอะไรต่างๆ แต่ให้เป็นคนมีเหตุมีผลเอาไปคิดเอาไปตรองให้ละเอียด กรองหลายๆชั้น กรองจนกระทั่งว่าเหลือแต่น้ำใส ว่าอย่างนั้นเถอะ ถ้าเป็นวัตถุ กรองอย่างนั้น

เมื่อกรองอย่างนั้นเราก็จะได้พบของจริง แต่ฟังเขาพูดอะไรก็เชื่อ ใครพูดอะไรให้ฟังก็เชื่อไม่ได้ พระพุทธเจ้าไม่ให้เชื่ออย่างนั้น เช่น ไม่ให้เชื่อข่าวเล่าลือ ไม่ให้เชื่อว่าเขาเคยทำมาอย่างนี้ ไม่ให้เชื่อว่ามีอยู่ในตำรา หรือไม่ให้เชื่อว่า อาจารย์เราพูดนะ อย่างนี้ก็ไม่ได้

เช่นโยมจะไปอ้างว่า ท่านปัญญาพูดนะ อย่างมันก้ไ่ม่ได้ อ้างสำหรับขู่คนอื่นได้แต่ว่าเอาจริงเอาจังมันก็ไม่ได้เหมือนกัน เราจะไปอ้างอย่างนั้นไม่ได้ แต่เราจะอ้างเมื่อเราเห็นชัดด้วยใจชองเราเอง เรียกว่า ประจักษ์แก่ใจ

ประจักษ์แก่ใจนั่นแหละเป็นของแท้ เห็นชัดจริงๆว่ามันทุกข์จริงๆ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆในใจของเรา นี่เรียกว่า เป็นสันทิฏฐิโก ดังที่เราสวดเช้าว่า สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

สันทิฏฐิโก อันผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตัวเอง  นี่  อันนี้สำคัญมาก คำสอนในทางพระพุทธศาสนาทุกบททุกตอน ต้องเป็นเรื่องสันทิฏฐิโก คือเป็นเรื่องเห็นชัดด้วยตัวเอง ไม่ใช่เขาบอกเขาเล่าแต่ว่าเรื่องนั้นประจักษ์แก่ใจเรา

เราจะไปพูดกับใครๆ เราก็พูดจากใจของเรา จากความรู้สึกนึกคิดที่มันมีอยู่ในใจของเรา คนฟังก็จะเข้าใจความหมายแล้วเอาไปปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแก่ใจ เราจึงปลงใจเชื่อลงไปว่าสิ่งนั้นเป็นเช่นนั้นจริง

ข้อมูลจาก หนังสือธรรมะหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ