Tuesday, January 31, 2017

ธรรมะสอนใจ เรื่องความสงบ การหายใจที่ดับทุกข์ได้

ธรรมะสอนใจ หลวงพ่อปัญญานันทะ

ธรรมะสอนใจ
ความสงบ การหายใจที่ดับทุกข์ได้แสดงปาฐกถาธรรมโดยหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

กิเลสและตัณหาทำให้เกิดความหนาวในจิตใจ

สำหรับเราทั้งหลาย ไม่มีความหนาวอย่างนั้น แต่มีความหนาวทางด้านจิตใจ ความหนาวกายนั้นพอแก้ได้ แต่หนาวใจนั้นมันแก้ยากหน่อย ความหนาวทางจิตใจนั้นเกิดจากตัณหา

ที่เกิดขึ้นในใจของเราคื่อมีความอยาก อยากมีอยากได้นั้นได้นี่ มันก็เป็นความหนาวใจอยู่ เพราะไม่อุ่นทางจิตใจ ถ้าได้มาสมใจ ก็มีความสบายใจชั่วขณะหนึ่ง ธรรมะสอนใจแก่เราได้

แต่ว่าพ้นจากนั้นก็อยากได้ใหม่ต่อไป อยู่ด้วยการไม่อิ่มไม่พอ ในเรื่องความต้องการ ต้องการในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาพึงใจของคนสามัญทั่วไป

ธรรมะคือสิ่งที่ช่วยบรรเทากิเลสและตัณหา

เรามีความต้องการมากเท่าใด ความทุกข์มีมากเท่านั้น แต่ถ้าเราบรรเทาความต้องการให้น้อยลงไปความเบาใจก็เกิดขึ้น การที่จะช่วยให้บรรเทาความอยากได้นั้น ต้องอาศัยหลักธรรมะอันเป็นหลักคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะว่าหลักธรรมะเป็นหลักธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวัน

เราผู้เป็นพุทธบริษัท เราผุ้เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า " พุทธบริษัท " แปลว่า ผู้นั่งแวดล้อมพระพุทธเจ้า เมื่อไปนั่งแวดล้อมพระพุทธเจ้า ก็ต้องต้องให้ได้ประโยชน์จากพระพุทธเจ้า เป็นธรรมะสอนใจเรา

เหมือนเรานั่งแวดล้อมกองไฟในฤดูหนาว เราก็ได้ความอบอุ่นจากกองไฟบ้าง ฉันใดเรานั่งใกล้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้รับประโยชน์จากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ฉันนั้น

เรานั่งใกล้พระพุทธเจ้า ใจก็คิดถึงพระพุทธเจ้า มั่นอยู่ในพระพุทธเจ้า นั่งใกล้พระธรรม จิตใจก็คิดถึงพระธรรม นั่นอยู่ในพระธรรม ไม่โอนเอียงไปในทางอื่นซึ่งมิใช่ทางของธรรมะ เราเข้าใกล้พระสงฆ์ก็เพื่อฟังธรรมจากพระสงฆ์เรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้า

การไปวัดทุกครั้งเราไปหาพระ การไปหาพระก็คือการไปหาธรรมะ ไปหาแสงสว่างสำหรับชีวิต พระสงฆ์มีหน้าที่สอนธรรมะแก่ประชาชน เมื่อประชาชนเข้าใกล็ก็ต้องพยายามพูดชี้แนะแนวทางชีิวตให้เข้าใจ

ถ้าเรารู้จักตัวบุคคลนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง เราก็บอกสิ่งที่เขาคิดผิด พูดผิด ทำผิด คบคนผิด ไปสู่สถานที่ผิดๆ ให้เขาเกิดปัญญา เกิดความรู้ เกิดความเข้าใจจะได้กลายเป็นคนมี สัมมาทิฏฐิ เป็นคนมีความเห็นชอบจะได้ประพฤติดีด้วยกาย วาจา  ใจ

พระสงฆ์อย่าไปทำเรื่องอื่นเช่น ไปนั่งดูหมอ ไปนั่งสะเดาะเคราะห์ ไปทำพิธีตองต่างๆ ตามแบบไสยศาสตร์ เพราะนั้นไม่ใช่ตัวพระพุทธศาสนา ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยคนให้พ้นจากความทุกข์อย่างเด็ดขาด แต่พอทำให้สบายใจ หลอกตัวเองไปชั่วคราวเท่านั้น

หนทางสู่ความพ้นพทุกข์ 

การที่จะพ้นทุกข์ได้ได้เด็ดขาดนั้นต้องรู้จักตัวทุกข์รู้จัก เหตุของความทุกข์ รู้ว่าทุกข์นี้มาจากอะไร แล้วก็รู้ว่า ทุกข์ เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัย ที่จะแก้ไม่ได้ เมื่อแก้เราจะแก้ได้โดยวิธีใด

พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้สมบูรณ์ไม่ขาดตกบกพร่อง คือสอนเรื่องความทุกข์ แล้วสอนเรื่องเหตุให้เกิดความทุกข์ด้วย สอนเรื่องการดับทุกข์ได้ แล้วสอนข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ได้ เป็นคำสอนที่สมบูรณ์ ถ้าพูดภาษาสมัยใหม่ก็ว่า ครบวงจร

แต่เราเป็นพุทธบริษัท ไม่ค่อยจะได้เข้าใกล้พระพุทธเจ้า ไม่เข้าใกล้พระธรรม ไม่เข้าใกล้พระสงฆ์แม้ไปวัดก็ไม่ได้ไปเพื่อเข้าใกล้ แต่ไปเพื่ออย่างอื่น ไมใช่เป็นที่เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้า

ญาติโยมเข้าวัดก็ไม่ได้เปิดหูเปิดตาให้สว่างด้วยปัญญา ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ไปพบความมือความบอด ในเรื่องไสยศาสตร์

ไสยศาสตร์เป้นศาสตร์สำหรับคนตาบอด คนโง่ คนหลง คนปัญญาอ่อน ถ้าเราไปเชื่อสิ่งนั้นปัญญาก็อ่อนลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราเชื่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วนำปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ชีวิตก็จะดีขึ้น มีปัญญามากขึ้น มีความเข้าใจมากชึ้น

ความหลงผิดต่างๆหายไป ความเข้าใจผิดหายไปชีิวตสดใสรุ่งเรื่องด้วยสัมมาทิฏฐิ อันเป็นตัวต้นในอริยมรรคมีองค์แปดของพระพุทธเจ้า

เรื่องนี้เราจะต้องทำให้เกิดทำให้มีขึ้นในจิตใจของเรา ถ้าไม่ทำให้เกิดให้มีก็ไม่มีความหมาย เราเป็นพุทธบริษัทต้องเป็นอย่างมีความหมาย ไม่ใช่เป็นเพียงสักแต่ว่าชื่อ เพียงสักแต่ว่าได้จะทะเบียนในสำมะโนครัวว่าเรานับถือศาสนาพุทธ แต่เราไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

พระรัตนตรัย ที่พึ่งของมนุษยโลก เป็นธรรมะสอนใจเรา

เวลาใดเรามีความทุกข์ มีความเดือดร้อนใจ เราไม่นึกถึงพระพุทธเจ้า ไม่นึกถึงพระธรรมคำสอน ไม่นึกถึงพระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า แต่เราไปนึกถึงเรื่องอื่นเสียหมด จะเป็นทางดับทุกข์ได้อย่างไร และก็ไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นพุทธบริษัท

เพระมัวแต่ไปคิดไปนึกแต่เรื่องอื่น ไม่สมกับคำว่าเราสวดมนต์ว่า นัตถิ เม สะระนัง อัญญัง ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัจจ์คำจริงนี้

ก็หมายความว่า เราจะต้องเอาพระพุทธเป็นหลักใจ เอาพระธรรมเป็นหลักใจ เอาพระสงฆ์เป็นหลักใจอย่างแท้จริง ชีวิตเราจึงจะเจริฐก้าวหน้าในทางธรรมะ แต่ถ้าเราเอาแต่ปากพูด แต่ใจไม่ได้คิดถึงสิ่งนั้นไม่น้อมนำมาปฏิบัติ

เหมือนเราเรียนวิธีทำกับข้าว แต่เราไม่เคยหุงข้าวต้อมแกงกิน ความรุ้นั้นจะให้ประโยชน์แก่เราได้อย่างไร ในการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เราต้องเรียนให้รู้และเข้าใจธรรมะถูกต้อง แล้วเราก็ต้องนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ถ้าเราใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ให้สมบุรณ์แบบอย่างแท้จริง ประเทศของเราจะเจริญกว่านี้ ชาติไทยจะเจริญกว่านี้ จิตใจของคนไทยจะสูงกว่านี้ ประณีตกว่านี้

แต่นี่เราวช้ธรรมะไม่สมบุรณ์ ยังใช้กันอยย่างบกพร่องขาดบ้างเกินบ้าง การทำอะไรก็สักทำแต่ว่าพอเป็นพิธี เช่นวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา วันมาฆะ วันวิสาขะ เราก็ไปวัดก็ไปทำพิธี เย็นก็ไปเวียนเทียน

ก็เวียนไปอย่างนั้นแหละ ใจไม่ได้คิดนึงถึงสิ่งที่ควรจะคิด จะนึก เวียนไปพอเป็นพิธี หรือขอให้ได้ไปเวียนเทียนหน่อย ก็เพียงเท่านั้น พอพ้นวันแล้วก็ไม่ได้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ได้เอาพระรัตนตรัยมาใช้

การมีชีวิตที่สมบูร์ทางจิตใจ

ในชีวิตของคนเรานั้น เราต้องหายใจเข้า หายใจออก เวลาหายใจเข้าเอาออกซิเจนเข้าไป หายใจออกเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ตลอดเวลาจึงมีชีวิตอยู่ได้

แต่การมีชีวิตอย่างนั้น เป็นการมีชีวิตทางกายทางวัตถุ ยังไม่มีชีวิตสมบูรณ์ทางด้านจิตใจ การมีชีวิตสมบูรณ์ทาางด้านจิตใจนี้น เราต้องเอาพระธรรมเข้ามาหล่อเลี้ยงใจชีวิตของเราจะสมบุรณ์ขึ้น

ถ้าเราไม่ใช้ธรรมะหล่อเลี้ยงใจ ชีวิตจะบกพร่องจะมีความทุกข์ มีปัญหา อยู่คนเดียวก็เป็นทุกข์แบบคนเดียวอยู่ 2 คนก็เป็นทุกข์แบบอยู่ 2 คน แล้วก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่กันเป็นกลุ่ม

ก็ไม่ได้อยู่กันด้วยความรัก ความสามัคคีไม่ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน เราก็แตกแยกแตกร้าวกัน ความแตกแยกแตกร้าวในกลุ่มนั้นเพราะเราไม่มีธรรมะเป็นหลักใจ แต่มีกิเลส คือ ความเห็นแก่ตัวเป็นหลักครองใจ

เราเป็นทางของอำนาจ อัตตา ตัวตน หรือ ความเห็นแก่ตัว ทำอะไรเพื่อตัว แม้ทำบุญให้ทานก็ทำเพื่อตัวทั้งนั้นไม่ได้ทำเพื่อเสียสละ เพื่อบริจาคสิ่งนั้นแล้วก็บริจาคกิเลสให้เป็นจาคะ ทำแต่เพียงทาน ยังหวังผลตอบแทนอยู่

เช่นเราเอาของไปถวายพระ แม้เราจะกล่าวคำสังฆทาน ลงท้ายว่า อัมหากัง หิตายะ สุขายะ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย อันไม่ถูกต้องตามหลักธรรมะของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าไม่ให้เราทำอะไรเพื่อตัวเราเองแต่ให้ทำเพื่อคนอื่น เพื่อนให้คนอื่นเป็นสุข ถ้าทุกคนที่เป็นพุทธบริษัทช่วยกันคิด ช่วยกันพูด ช่วยกันทำ เพื่อให้คนอื่นเป็นสุขแล้วโลกมันก็เป็นสุข

แต่นี่เราไม่คิดเพื่อให้คนอื่นเป็นสุข แต่เราคิดเพื่อตัวเราเป็นสุข เอาความสุขเฉพาะตัวเรา คนอื่นจะได้ทุกข์เดือดร้อนอย่างไรก็ช่างเขา อย่างนี้ความเห็นแก่ตัวมันออกหน้า ปัญญาก็ไม่มี

ขูดเกลาความเห็นแก่ตัวด้วยธรรมะสอนใจ

แต่ถ้าเรามีปัญญา เราคิดถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนให้เรา ชำระขูดเกลา ขูดเกลาอะไร ขูดเกลาความเห็นแก่ตัว ซึ่งความเห็นแก่ตัวนั้นมันแตกดอกออกช่อมาเป็นความโลภ เป็นความโกรธ ความหลง

เป็นความอิจฉาริษยา พยาบาทอาฆาตจองเวรแข่งดี ถือตัวด้วยประการต่างๆ สิ่งนี้มันแตกดอกออกมาจากความเห็นแก่ตัว เมื่อเรามีความเห็นแก่ตัว เราก็โลภอยากได้เพื่อตัวเรามีโทสะ คิดจะประทุษร้าย

เพราะคนอื่นขัดประโยชน์ของเรา เรามีความหลง ไม่รู้ทัน ไม่รู้เท่าทันต่อสิ่งนั้นตามความเป็นจริง แล้วเราก็มีความพยาบาทเคียดแค้นต่อบุคคลใดๆ ที่ทำอะไรให้เกิดกระเทือนใจแก่เรา ตอบแทนกันด้วยความชั่ว

เวลามีอะไรเกิดขึ้นก็ชำระชะล้างกันด้วยบาปด้วยอกุศล ด้วยการก่อเวรก่อกรรมไม่ให้อภัยแก่กันและกัน ปัญหามันก็เกิดมากขึ้น ความทุกข์มันก็เกิดมากขึ้น นี่ก้เพราะฐานในใจมันไม่ถูกต้อง มันเป็นฐานแก่งความเห็นผิด

เราจึงต้องตั้งฐานให้เป็นสัมมาทิฏฐิ โดยเฉพาะทำอะไรทุกอย่าง ต้องทำด้วยความขูดเกลาความเห็นแก่ตัวให้เบาบาง ให้น้อยลงไป ทุกเวลาทุกนาทีของชีวิต แล้วทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ผุ้อื่น

การทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ผุ้อื่นนั้น ต้องทำโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ถ้าเราหวังอะไรตอบแทนมันก็เป็นกิเลสเป็นตัณหา เป็นการเพิ่มสิ่งโสโครกขึ้นในจิตใจ ใจไม่สะอาด ไม่สว่าง ไม่สงบ เพราะยังเอาอะไรเข้ามาใส่ใจอีกมากมาย

ทำทุกสิ่งโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ถ้าหากเราทำอะไรโดยไม่หวังอะไรตอบแทนแก่ตัว ทำตามหน้าที่ ทำเพราะสำนึกว่าเราเป็นผู้ที่ควรทำอะไรแก่คนอื่น เช่น เรามีทรัพย์ควรจะให้แก่คนอื่นได้ เราก็ไห้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน

เรามีความรู้ควรจะแจกความรู้ให้แก่คนอื่นได้ เราก็ไม่หวังจะได้อะไรตอบแทน เราคิดอะไร เราพูดอะไร เราทำอะไร คิด พูด ทำ เพื่อการชำระล้างกิเลสในใจของเราให้หมดไปให้สิ้นไป ไม่หวังเอาอะไร นั้นแหละเป็นการกระทำที่ถูกต้อง

แต่การสอนของพระเรานั้นไม่ถูกต้อง สอนให้โยมเกิดกิเลาให้โยมอยากได้ ทำไมจึงสอนในแนวนั้น ก็เพราะว่าต้องการอะไรๆจากญาติโยมนั้นเอง ไม่ใช่เรื่องอะไร แล้วสอนให้โยมอยากเป็นนั่น อยากได้นี่จะทำอะไรก็มักจะบอกญาติโยมว่า เอ้า จบให้ดี อธิษฐานให้ดี

โยมอธิษฐานอะไร อธิษฐาน จะเอา ทั้งนั้น ลองคิดดูเถอะ เวลาทำอะไร โยมยกขึ้นทูนหัว ซุบซิบๆกับตัวเองพูดเรื่องอะไร พูดเรื่องจะเอาทั้งนั้น ขอด้วยอำนาจวัตถุทานที่ข้าพเจ้าให้ ให้จีวรก็อธิษฐานจะเอาอะไรๆ ให้อาหารก็จะเอา จบทุกทีก็เอาทุกที

อย่างนั้นมันเป็นการทำบุญกุศล แบบลงทุนค้ากำไร และเอากำไรมากเสียด้วย บริจาคเงิน 10 บาทยก จบ ตั้งนานกว่าจะวางลงไปได้ แปลว่าจะเอาจากเงิน 10 บาทนั้น จะเอารูปสวย จะเอารวยทรัพย์

จะเอาความสุข เอาความมั่งคั่ง เอานั้นเอานี่ เหมือนกับไปซื้อเอามาอย่างนั้น อันนี้มันเป็นการไม่ถูกต้อง แต่ว่าสอนกันมาอย่างนั้นตั้งนานแล้ว สอนให้คนอยากแล้วก็ทำกันไป การกระทำตามอำนาจด้วยความอยากนี่ ก็ย่อมทำสิ่งที่มันเหลือเพื่อไป

นั่นเพราะยังมีหนังสือประเภทหนึ่ง เราเรียกว่า อานิสงส์ การสร้างนั่น สร้างนี่ อานิสงส์ทอดผ้าป่า อานิสงส์ทอดกฐิน อานิสงส์สร้างเสาธง อานิสงส์สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างอะไรมีทั้งนั้น

ท่านพิจารณาไว้อย่างละเอียด ผุ้ทำทำอย่างนั้นตายแล้วจะได้เกิดใหม่บรสวรรค์ทุกคน ไม่ได้ไปไหน เกิดที่สวรรค์มีวิมานสูงหลายโยชน์ โยชน์หนึ่งมี 400 เส้น ถ้าสูง 50 โยชน์นี่มันจะอยู่กันอย่างไร

มันสูงกว่าคอนโด ที่สร้างแล้วกลัวแผ่นดินไหวจะพังกันอยู่ในปัจจุบัน ที่บอกให้ทำอย่างนั้น ให้ปรารถนาอย่างนั้น ก็เรียกว่าพอกกิเลสให้เกิดในใจโยม เป็นธรรมะสอนใจ เราได้

โยมจะทำอะไรก็มักจะภามว่า จะได้อะไร ทำอะไรจะได้อะไร จะเอาอะไรจากการกระทำนั้น ทำเพื่อ เอา ทั้นงนั้น ทำเพื่อจะ ได้ ทั้งนั้น ถ้ารู้ว่าทำแล้วก็ไม่ได้อะไร แต่เป็นการทำที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์การทำก็น้อยลงไป

เรายังเป็นเด็กอยู่ในเรื่องทาง เป็นเด็กอยู่ในเรื่องของศีล เป็นเด็กอยู่ในเรื่องการเจริญภาวนา ทำทานก็ทำอย่างเด็กๆนั่นแหละ คือยังมีความต้องการ จะแลกกับตุ๊กตาบ้าง ตัวน้อยๆสำหรับเด็กเล่น

เรายังต้องการสิ่งเหล่านั้น ต้องการในชาตินี้ด้วย แล้วยังต้องการในชาติหน้าต่อไป อันนี้พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า เป็นการพอกกิเลาให้เกิดขึ้นในใจของเรา ไม่เป็นไปเพื่อ การขูดเกลา

การปฏิบัติกิจในทางพระพุทธศาสนา เช่นให้ทนก็เพื่อการขูดเลา รักษาศีลก็เพื่อการขูดเกลา เจริญภาวนาก็เพื่อการขูดเกลา เรามาฟังธรรมนี่ก็ฟังเพื่อการขูดเกลา มารับเครื่องมือเอาไปขูดเกลาจิตใจเราให้สะอาดปราศจากสิ่งเศร้าหมองใจ

ผู้แสดงะรรมก็แสดงธรรมไปเพื่อการขูดเกลาเหมือนกัน ไม่ได้แสดงธรรมเพื่อจะเอาอะไร ถ้าแสดงธรรมเพื่อหวังเครื่องกัณฑ์ หวังชื่อเสียง หวังอะไรนั้นมันก็เเป็นการแสดงธรรมที่เศร้าหมอง

ไม่ผ่องแผ้วทางจิตใจ แล้วมันก็จะเกิดปัญหา ไปเทศน์ที่ไหน เขาให้น้อยก็ไม่อยากจะไปเทศน์อีก อย่างนี้มันก็ผิดหลักของนักเทศน์ นักสอน ไม่ได้เทศน์เพื่อการขูดเกลา

ละเว้นอบายมุข

ญาติโยมที่ฟังก็เหมือนกัน ต้องฟังเพื่อการขูดเกลา ต้องฟังให้เกิดปัญญา แล้วนำปัญญานั้นไปเป็นเครื่องขูดเกลาจิตใจของเราเอาไปใช้เป็นแว่นกระจกสำหรับมองดูตัวเราว่ามีความบกพร่องอะไรบ้าง

เราไม่ดีไม่งามที่ตรงไหนบ้าง ความประพฤติของเราเป็นอย่างไร

เราเอาศีลห้าเข้ามาจับ ว่าเรามีศีลห้ากี่ข้อ มีความสมบูรณ์ในศีลขนาดไหน เราเอาจิตที่เป็นสมาธิเข้ามาคิดดูว่าเรามีสมาธิอย่างไร เราเอาจิตที่เป็นสมาะิเข้ามาคิดดูว่าเรามีสมาธิอย่างไร

เราเจริญภาวนาเพื่อเห็นนรกเห็นสวรรค์หรืออย่างไร เป็นไปเพื่อวัตถุ หรือเป็นไปเพื่อการขูดเกลา การให้ทานการรักษาศีลเพื่อจะมีจะได้ในเรื่องอะไรๆหรือเปล่า

มีเรื่องเล่าไว้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาว่า พวกผู้หญิงแห่งเมืองสาวัตถีมีจำนวนมาก ไปถือศีลในสำนักของพระพุทธเจ้า เมื่อถือศีลอยู่ที่สำนักนั้นก็มีคนมาถามขึ้น ถามผู้หญิงเหล่านั้นว่า

มาถือศีลเพื่อต้องการอะไร คำตอบเป็นไปเพื่อกิเลสทั้งนั้น เช่นว่าถือศีลเพื่อไม่ให้สามีมีภรรยาคนที่สอง ไม่อยากให้หญิงอื่นมาร่วมกับสามีของตัวบ้าง ถือศีลเพื่อให้รูปสวยบ้าง ถือศีลเพื่อให้รวยทรัพย์

ให้ได้เกียรติ ได้ชื่อเสียงบ้าง ถือศีลเพื่อเมื่อตายแล้วจะได้ไปเกิด ในสวรรค์วิมานสวยๆงามๆอย่างนั้นบ้าง เรื่องนี้ได้ทราบถึงพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ได้ตรัสสอนพวกเล่านั้นว่า

เธอมาถือศีล เพื่อลาภ เพื่อสักการะ เพื่อจะมี เพื่อจะได้ ในเรื่องกามารมณ์ ในเรื่องวัตถุ วัตถุก็เป็นเรื่องกาม คือ เรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง เรื่องสัมผัสอยากได้สิ่งนั้น อย่างมีสิ่งนั้นให้ประณีต ให้สวยงามให้มั่นคงขึ้นไป การถือศีลเช่นนี้ไม่ถูก

เราถือศีลเพื่อพรหมจรรย์ หมายความว่า มีการครองชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ถือศีลเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ เราไม่ฆ่าใคร ถ้าเราต้องการบริสุทธิ์ในจิตใจ เราไม่ลักของใคร ก็เพื่อสร้างความบริสุทธิ์ในจิตใจ

ไม่คิดเอาของคนอื่นมาเป็นของตัว เราไม่ประพฤติผิดในเรื่องของกามารมณ์ เพียงศีลห้าก็เพื่อจะให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขไม่มีปัญหา ไม่สร้างความทุกข์ ความเดิืออร้อน

ถ้าเราถือศีลแปด ก็งดเว้นจาการประพฤติผิดในกิจที่มิใช่พรหมจรรย์ คือไม่มัวเมาในเรื่องกามารมณ์ด้วยประการทั้งปวง งดเว้นกามารมณ์แม้การอยุ่ร่วมกับภรรยาของตัวก็เป็นการผิดศีลพรหมจรรย์

ก็เพื่อความบริสุทธิ์ทางจิตใจ ให้มันหายจากราคะ หายจากความกำหนัด จากตัณหา ความอยาก หายจากความอยากได้ อยากมี อยากเป้นด้วยประการต่างๆเพื่อการขูดเหลา

เราพูดคำจริง คำอ่อนหวาน คำสมานสามัคคีก็เพื่อเป็นการบังคับตัวเองให้รู้จักใช้ลิ้นให้รู้จักใช้ปากจะพูดอะไรกับใคร ก็พูดแต่คำที่เป็นความจริง คนพูดจริงนั้นพูดน้อย พูดไม่มาก ถ้าพูดมากมันจะพูดจริงบ้างไม่จริงบ้ง

แล้วพูดคำหยาบบ้าง พูดคำเหลวไหลบ้าง พูดคำเพ้อเจ้อ เพ้อไปวันยังค่ำไม่ได้เนื้อได้สาระ เข้าแบบว่าน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ไม่ผักบุ้งสักกอเดียว มีอยู่นิดๆหน่อยๆเอามาทำอะไรก็ไม่ได้

คนพูดมาเขาเรียกว่า พูด หว่านไป เราะอรรถกถาจารย์ท่านพูดว่า พูดเหมือนแกงถั่ว คือแกงถั่วนั้นเป้นแกงสามัญของประเทศอินเดีย คนกินถั่วมาก ใครพูดมากก็ว่าพูดเหมือนกับแกงถั่วคือมากเกินไปทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน จิตใจไม่สงบ

หรือเราพูดเรื่องที่ต้องโต้เถียงกัน เวลาเถียงกัน นั้นต้องพูดมาก เมื่อพูดมากจิตก็ไม่มีสมาธิ ห่างจากสมาธิฟุ้งซ่านแล้วก็เกิดกิเลสอื่นตามมา เพราะฉะนั้นการถือศีลข้อที่ 4 ก็เพื่อสำรวมจิตใจ บังคับปากบังคับลิ้นให้พูดแต่สิ่งที่จำเป็น

การถือศีลข้อห้าก็เพื่อรักษาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงให้เรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพทางกายทางใจจะดีขึ้น สุขภาพกายจะดีขึ้น เพราะไม่เสพย์ของมึนเมา ไม่ดื่มกินสิ่งเสพติดด้วยประการต่างๆ

ศีลข้อห้านี่มีคำอยุ่ 3 คำ ว่า สุรา  เมรัย และ มัชชะ ธรรมะสอนใจ

สุรา คือของเมาที่ต้มกลั่นแล้ว เช่น เหล้าต่างๆของในและของนอกที่ใส่ขวดสวยๆ ถ้าดื่มเข้าไปแล้วเมาทุกรายทำให้สุขภาพเสื่อม เสียทรัพย์ เกิดโรค ก่อการทะเลาะวิวาท หน้าด้าน ไม่รู้จักละอาย คนดีเขาดูหมิ่นสติปัญญาเสื่อม สิ่งเหล่านี้เรียกว่า สุรา

เมรัย หมายถึง ของเมาประเภทที่ไม่ต้มให้สุก ไม่ได้กลั่นเอามาแช่ไว้ เอามาหนักมาดองไว้ให้มันล่วงเวลา เช่น น้ำส้ม ถ้าเราทิ้งไว้ล่วงเวลา เกิน 3 ชั่วโมง มันก็กลายเป้นเมรัย ของเหล่านี้เขาเรียกว่า ยามะการิก

ยามะ แปลว่า 3 ชั่วโมง ยามหนึ่ง ถ้าเกินกว่านั้นไป พระก็ฉันไม่ได้

สมัยนี้เขามีตู้เย็นมันไม่เสื่อมคุณภาพ เอาใส่ตู้เย็นไว้กี่ชั่วโมงก็ไม่เปลี่ยน แต่ถ้าเอาไว้ในที่มีความร้อนสูง มันก็เปลี่ยนสภาพเป็นเมรัย เช่น น้ำตาลโตนด เราขึ้นไว้ตอนเช้า ทิ้งไว้จนบ่ายจนเย็น เอาไปกินเข้ามันก็เป็นเมรัย

มัชชะ คำนี้พระไม่ค่อยแปล เวลาแปลศีลข้อที่ห้าก็ทิ้งเสีย คือ ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คืองดเว้นจากสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ตกไปคำหนึ่ง คือคำว่ามัชชะนี่ไม่แปล ทำไมพระจึงไม่แปล ก็เพราะพระกินหมากันอยู่ทั้งน้้น สูบบุหรี่กันทั้งนั้น

ศีลข้อห้านี้รักษาทุกอย่าง รักษาร่างกาย รักษาชีวิต รักษาทรัพย์สมบัติ รักษาครอบครัว รักษาคำพูด รักษาสุขภาพกายให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย รักษาสุขภาพจิตให้อยู่สภาพที่สมบูรณ์ จึงควรงดเว้น

การเจริญภาวนา : การฝึกจิตเพื่อใช้งาน

การเจริญภาวนา เราไปเจริญภาวนานั้น มี 3 จุดเท่านั้น คือ ฝึกจิตให้มีความสงบ ให้ตั้งมั่น ให้อ่อนโยน เหมาะที่จะใช้งานใช้การต่อไป

จิตของคนเรานั้น เมื่อยังไม่ได้ฝึก มันดิ้นรนกลับกลอกรักษายาก ห้ามยาก แต่ว่าฝึกให้ทำได้ รักษาได้ รักษาได้ ห้ามได้ ถ้าเราไม่ได้ฝึกก็ปล่อยไปตามเรื่อง แล้วมันก็ซุกซนยิ่งกว่าลิงซนเสียอีก

เพราะเดี๋ยวมันคิดเรื่องโน้น คิดเรื่องนี้อะไรต่างๆ ตัวนั่งอยู่นี่ บางที่ใจไปแล้ว ใจไปคิดเรื่องอื่น เลยฟังปาฐถกาไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเทศน์เรื่องอะไร เพราะใจไม่อยู่จดจ่ออยู่กับเรื่องเทศน์ ไม่สงบ ไม่ตั่งมั่น ไม่อ่อนโยน ที่จะบังคับให้เป็นอย่างนั้นได้ ต้องไปโน้นมานี้วันยังค่ำ

แล้วจิตชอบไปในที่ต่ำ ไปในที่ที่เป็นกิเลส ไหลไปตามอำนาจความโลภ ความริษยา ความพยาบาท รูปมากระทบตาก็ไหลไปตามรูป เสียงมากระทบหูก็ไหลไปตามเสียง สิ่งอะไรเป็นที่พอใจเพลิดเพลิน มันก็ไหลไปติดอยู่กับสิ่งนั้น ดังนั้นเราจึงต้องไปฝึกสมาธิตามสำนักต่างๆ

แต่ว่าการฝึกสมาธิบางสำนัก ก็ฝึกไปในทางที่ล่อคนให้หลงงมงายเหมือนกัน เช่นฝึกสมาธิเพื่อเห็นนรก เห็นสวรรค์บ้าง พาไปดูนรก พาไปดูสวรรค์ ซึ่งความจริงนั้นนรกสวรรค์

ไม่ใช่ภาพที่จะดูไดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนว่า นรกอยู่ใต้ดิน สวรรค์อยู่บนฟ้า แต่นรกมันอยู่ในใจของเรา สวรรค์มันก็อยู่ในใจ นิพพานก็อยู่ที่ใจของเรา นี่ก็เป็นธรรมะสอนใจเรา

ทีนี้เราไปนั่งกัมมัฏฐานก็ได้ภาพเหล่านั้น แล้วก็หลงติดอยู่ในภาพเหล่านั้น เอ้า ไปดูสวรรค์ ดูสวรรค์บอกว่าวิมานประดับด้วยแก้วแวววาว ก็เหมือนกับตามวัดต่างๆ ทำเจดีย์ประดับด้วยแก้วนั้นแหละ เขาก็เห็นเป็นูปอย่างนั้น แล้วเห็นนางฟ้าไม๊ เห็นแต่งตัวอย่างไร

มีพระองค์หนึ่งอยากได้เงินโยมคนหนึ่ง ซึ่งแก่มีเงิน รู้ว่าโยมนั้นคิดถึงสามีที่ตายไปแล้วมาก ก็เลยไปเยี่ยมบอกว่า อาตมาได้นั่งเข้าญาน แกไม่ละอายแกกล้าพูดสิ่งที่เหลวไหล นั่งเข้าญารแล้วไปถึงสวรรค์ไปพบวิมารของคุณหลวงเข้า บอกว่าเป็นวิมานอันสวยงาม

คุณหญิงก็ชอบใจ ถามว่า แล้วมีอะไรขาดบ้างล่ะท่าน  พระองค์นั้นบอกว่า  ทุกอย่างเรียบร้อยร่างกายสมบูรณ์พูนสุข ที่อยู่ที่กินก็สบาย แต่ยังขาดรถยนต์อยู่ไม่มีรถยนต์จะใช้ คุณหญิงเลยซื้อรถยนต์ให้ัคันหนึ่ง

สิ่งนี้ได้มาด้วยความสกปรก ด้วยการล่อลวงเป็นการไม่ถูกต้องไปพูดจาอย่างนั้น

พอรู้ว่าเขาขอบอย่างนั้นก็เลยพูดอย่างนั้น อยากได้จีวร บอกว่าไม่มีผ้านุ่งผ้าห่ม เขาก็ถวายจิวร อยากจะได้อาหารก็บอกว่า โอ๊ อดอยากปากแห้ง ไม่มีอาหารจะกินเลย เลยนิมนต์พระ 9 รูปเลี้ยงอาหาร

อย่างนี้เป็นอุบายหลอกชาวบ้านเพื่อให้หลงเชื่อ หลงผิด มีเยอะแยะ มีบ่อยๆ ให้ทำบุญด้วยวิธีหลอก

จุดหมายของการเจริญภาวนา 

จุดหมายของการเจริญภาวนามิใช่เพื่ออะไร เพื่อฝึกจิตของเราเอง ฝึกจิตให้สงบ ไม่ให้วิ่งไปวิ่งมา ให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว แล้วก็ให้อ่อนโยนเหมาะที่จะใช้ทำงาน เหมือนกับเราฝึกสัตว์ป่านั้นแหละ

สัตว์ในป่าที่เราได้มาใหม่ๆมันยังไม่เชื่อง เช่นว่าม้าป่ามันก็ไม่เชื่อง ช้างมันก็ไม่เชื่อง เราต้องฝึกให้มันหยุดดิ้นก่อน ให้มันเชื่อฟังคำสั่งต่อไป ก็เอามาใช้ได้

ถ้าเปรียบด้วยใจคนว่ามันเชื่อง คือ มันอยู่ในอำนาจของสติ อำนาจของปัญญาเราควบคุมมันได้ เวลาจะให้เป็นอะไรก็ได้ ให้คิดอะไรก็ได้ ให้อ่านหนังสือก็อยู่กับหนังสือให้ทำสมาธิก็อยู่กับเรื่องสมาธิ เราต้องฝึกอาการเช่นนั้นคนทุกคนฝึกได้ง่ายๆ ไม่ลำบากยากเข็ญอะไร

การเจริญอานาปานสติ

สมาธิแบบง่ายที่สุดเป็นประโยชน์มากที่สุด ก็คือ เจริญอานาปานสติ เมื่อวานนี้ พบคนๆหนึ่งเป็นนายตำรวจ เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เนื่องจากพายุเกย์ที่จังหวัดชุมพรนั่นแหละ

แก่มีสวนปาล์มอยู่ประมาณ 300 ไร่ ถูกพายุเสียหาย แกไม่อยากไปดูหรอก ไปดูแล้ว ไม่สบายใจก็ไม่อยากไปดู แต่เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า ต้องไปรายงานผลเสียหาย จะได้ให้สตางค์ชดเชย

แกก๋ไปแหละ ไปนั่งก็ทำใจไปตลอดทาง เพราะเห็นไปตั้งแต่เริ่มเข้าเขตประจบคิรีขันธ์ แล้วไปที่บางสะพานดูไปเรื่อยๆก็ว่า โอ๊ มันล่มจมเสียหาย แต่พอไปเห็นสวนปาล์มของตัวเข้านี้มันล้มหมดเลย

เกิดแน่นหน้าอกขึ้นมา มือนี่รู้สึกว่ามันหลุดไปจากหัวไหล่ไปเสียแล้ว มือมันหายไป มันชานั่นเอง ไม่ใช่เรื่องอะไร รู้สึกว่ามือหายไป ยืนนิ่ง

ทีนี้ลูกชายไปด้วย ลูกชายเห็นพ่อมีอาการอย่างก็เรียก พ่อ แกก็พูดออกมาคำเดียวว่า โรงพยาบาล เขาก็พาไป มันเป็นสุขศาลา ไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่โตอะไร โรงพยาบาลอำเภอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

แกรู้สึกว่า พวกนางพยาบาลที่มาช่วยดูแลนั้นตัวเล็กนิดเดียว ตัวเล็กยังกับเด็ก 2-3 ขวบอย่างนั้นแหละ แต่ดูมันเล็กลงไป สายตามันเปลี่ยนไป สายตาคนนี่พอมันมีโรคอะไรดูมันเปลี่ยนไป

แกบอกว่า เวลานอนรู้สึกว่า หัวใจจมันเหลือนิดเดียว เหลื่ออยู่ที่ตรงที่ตรงขั้วนิดเดียว เหมือนกับมันจะขาดจะวิ่นออกไปแล้ว ความรู้สึกเป็นอย่างนั้น

แกบอกว่า นึกถึงอานาปานสติได้ พอแกนึกถึง อานาปานสติ ก็ภาวนา หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ พุท..โธ กำหนดลมหายใจเรื่อยๆไป มันก็ค่อยดีขึ้นๆ เลยบอกว่า เจริญอานาปานสติช่วยรักษาเกี่ยวกับหัวใจ

ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์ ก็คือว่า ขณะเรากำหนดลมหายใจ การหายใจมันเป็นจังหวะ มันมีจังหวะหายใจดีขึ้น แล้วควบคุมมันได้ ทีนี้สภาพหัวใจก็ดีขึ้น การเต้นของหัวใจก็ดีขึ้นแล้วก็หายเจ็บ

เพราะฉะนั้น เวลาใดที่เราไม่สบายใจ มีความทุกข์ทางใจ ทำอานาปานสติเถิด

การปฏิบัติอานาปานสติ

อานาปานสติทำง่ายๆ นั่งตัวตรงหรือนอนก็ได้ ถ้าเราลุกขึ้นไม่ได้ก็นอนทำหายใจเข้าช้าๆ หายใจออกช้าๆ กายใจเข้า กำหนดรู้ตามลมหายใจ หรือจะภาวนาว่า พุท หายใจเข้า หายใจออกว่า โธ ก็ได้

เวลาเรากระทบอารมณ์อะไร ที่มันจะเป็นทุก พอรู้สึกว่าอารมณ์มันไม่ค่อยดี รับหายใจแรง พอหายใจแรง แล้วอารมณ์มันเปลี่ยน ความโกรธมันก็ลดลงไป หายใจแรงแล้วอัดไว้ในปอด หายใจออก อารมณ์นั้นหายไป ความโกรธก็หายไป ความเกลียดหายไป

ผลของการเจริญอานาปานสติ

ถ้าเราทำไว้บ่อยๆจนกระทั่งว่าชิน ทำบ่อยๆเวลาเจ็บหนักใกล้จะหมดลมหายใจ เราจะได้กำหนดลมหายใจของเราจะหลับตาตายอย่างสงบ ไม่กังวล ไม่ห่วงใย

คนที่ไม่ทำอานาปานสติไม่ฝึกภาวนา จิตมันฟุ้งซ่านเวลาตายนึกถึงวัว นึกถึงควาย นึกถึงไร่ นึกถึงนา นึกถึงไอ้หลายน้อยๆ ว่าใครจะเลี้ยงกูตายแล้วใครจะเลี้ยง ก็ตายด้วยความกังวลใจ มีความทุกข์ไปสู่ทุคติ ไม่ได้ไปสู่สุขติ เพราะฉะนั้นเราต้องหัดทำไว้ก่อนตาย

เรื่องอย่างนี้มันต้องเตรียมใจไว้ก่อน ต้องรักษาศีลไว้ก่อน ต้องเจริญภาวนาไว้ก่อน หมั่นฟังธรรม หมั่นประพฤติดี ประพฤติชอบเข้าหาพระศาสนา ถ้าอยู่ไกล ไม่มีโอกาสมาฟัง เอาเทปไปฟังก็ได้

เปิดเทปฟังเอาเทปเกี่ยวกับงานศพไปเปิดให้คนฟัง คนจะได้เกิดปัญญา เกิดความรู้เกิดความเข้าใต อะไรมันก็ดีขึ้น

ไหนๆเราก็เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เราก็ต้องเดินตามเส้นทางของพระพุทธเจ้า เส้นทางนั้นก็คือตัวธรรมะนั้นเอง ธรรมะสอนใจเป็นแผนที่บอกทางชีวิตให้เราเข้า สังฆะคือตัวปฏิบัติ เราปฏิบัติตามนั้น ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติให้ถูกต้อง ปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ เราก็พ้นจากทุกข์ได้สมปรารถนา


ข้อมูลจากหนังสือดับทุกข์ได้ด้วยลมหายใจ ธรรมะสอนใจโดยหลวงพ่อปัญญานันทะ

Monday, January 30, 2017

ธรรมะสอนใจ พระมหาสมปอง ฮาอีกแล้วครับ


พระมหาสมปองบรรยายธรรมในงานเทศนาธรรม “มีเทศน์ มีทอล์ค 5 ตอน มหาราชาในดวงใจ” 
คลิปนี้เผยแผ่ทาง YouTube โดยผู้ใช้ชื่อว่า BUDdee CHANNAL https://youtu.be/HzaRrL2Xrow

ธรรมะสอนใจหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

คิดดี ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ดีกว่า

ญาติโยมพุทธบริษัททังหลาย
ณ บัดนี้ ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการฟัง ตามสมควรแก่เวลา

เส้นทางสู่พระพุทธองค์

วันนี้.......จะพูดในเรื่องที่ว่า
เราจะเข้าถึงธรรมด้วยการปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา  ถ้าสอนชาวบ้านทั่วไป ก็มัจะสอนขึ้นต้นด้วย ทาน ศีล ภาวนา

ถ้าสอนพระก็พูดเรื่อง ศีล ปัญญา สมาธิ อันเป็นข้อปฏิบัติตามลำดับที่เราปฏิบัติ แล้วจะได้ถึงซึ่งพระพุทธเจ้าที่เป็นธรรมะอันจะเป็นเหตุให้เกิดความสงบทางใจ ไม่มีความทุกข์ความเดือดร้อนประจำวันต่อไป เราทั้งหลายจึงควรจะได้เดินตามเส้นทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าชี้ไว้ให้เราเดิน เดินตามรอยพระพุทธเจ้า

เดินตามรอยพระพุทธบาท : ตามธรรมะ

รอยพระพุทธบาทที่แท้ก็คือรอยธรรมะนั่นเอง ไม่ใช่รอยหินที่เราไปไหว้กันทุกปี เวลามีงานที่สระบุรี รอยนั้นเป็นรอยภายนอกไม่ใช่รอยภายใน เป็นรอยที่เราสัมผัสด้วยตาเนื้อ ไม่ใช่รองรอยที่สัมผัสด้วยตาใจ รอยแท้จริงของพระพุทธองค์นั้นอยู่ที่ข้อปฏิบัติ ซึ่งเราเรียกกันว่า พระธรรม นั้นเอง

พระธรรมเป็นรอยที่พระองค์ชี้ไว้ให้เราเดิน ถ้าเราเดินไปตามร้อยั้นเราก็จะพบพระพุทธเจ้า ถ้าเดินผิดทาง.....เราก็ไม่พบกับพระพุทธเจ้า ถ้าเดินถูกทาง ก็จะพบองค์พุทธะ อันเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เพราะฉะนั้นเมื่อเราจะลงมือเดินก็ต้องศึกษาทางที่เราจะเดินเสียก่อน เพื่อจะได้เดินถูกทาง ไม่ใช่เดินแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เสียเวลาไปตั้งเยอะแล้วจึงจะได้เข้าทาง บางที่เดินไปจนแก่จึงได้เข้าทางถูก อย่างนี้ก็นับว่าเสียดายชีวิต

สงบ สะอาด สว่างในใจ คือ องค์พุทธะที่แท้

ถ้าเราได้ศึกษาตั้งแต่เบื้องต้น ให้เข้าใจทางเดินอย่างชัดเจน ถูกต้อง เราลงมือเดินก้เข้าเส้นทางได้เลย แล้วเดินไปตามเส้นทางนั้นไม่หยุดยั้ง เราก็จะถึงจุด คือพบองค์พระพุทธเจ้า

ที่เรียกว่า องค์พระพุทธเจ้า นั้นก็คือ พบกับความสงบ ความสะอาด ความสว่างในใจ เมื่อของเราสงบ ไม่วุ่นวาย ใจของเราสะอาดและปราศจากสิ่งเศร้าหมอง ใจของเราก็สว่าง ไม่มีความมือบอด ก็เรียกว่า เราเข้าถึงจุดที่เราต้องการ

ผู้มีจิตสะอาด สว่าง สงบ รู้ชัดสภาพที่เป็นจริง

ผู้ที่มีจิตสะอาด สว่าง สงบนั้น ย่อมรู้ชัดอะไรๆตามสภาพที่เป็นจริง ไม่หลงไม่งมงายในเรื่องอะไรต่างๆ ถ้าจิตเรายังไม่ถึงจุดนั้นก็อาจจะยังหลงอยู่บ้าง อาจะประพฤติปฏิบัติอะไรในทางที่อยู่บ้าง มีอยู่ไม่ใช่น้อยที่มีความเรียกตัวเองว่า พุทธบริษัท แต่ว่านั่งอยู่ห่างไกลจากพระพุทธเจ้า เป็นบริษัทที่นั่งสุดกู่ก็ว่าได้ ไม่ขยับตัวเขาไปใกล้พระพุทธเจ้าเสียเลย ชอบนั่งอยู่ห่างๆอย่างสุดกู่ ตะโกนก็ไม่ได้ยิน

พุทธบริษัทที่อยู่สุดเสียกู่พระพุทธเจ้านั้น ก็คือคนที่เป็นพุทธบริษัทแต่เพียงชื่อ จิตใจไม่ได้เข้าถึงธรรมะ การปฏิบัติของเขานั้น ก็ไม่เข้าตรงตามเส้นทางที่พระผู้มีพระภาคชี้ไว้ให้เราเดิน เราก็เที่ยววิ่งวนอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับมดที่มันวิ่งวนอยู่ตามขอบอ่างใส่นำ้ผึ้ง ไม่มีโอกาสจะได้ลิ้มรส เพราะเที่ยววนอยู่ตามขอบอ่าง ไม่ได้เข้าถึงอ่างซึ่งเต็มไปด้วยรสหวาน

คนเราบางคนก็มีสภาพเช่นนั้น
...................คือ..................
"เที่ยววิ่งวนอยู่ตามขอบ"
ไม่ได้เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
เลยไม่ได้รับสรของการปฏิบัติอย่างแท้จริง

ซึ่งในบางครั้งบางคราวอาจไปพูดท้วงขึ้นว่า ฉันยังไม่ได้ประโยชน์จากพระศาสนาเลย ไม่เห็นว่าพระท่านช่วยอะไร ก็พระท่านจะมาช่วยได้อย่างไร เราจะเห็นผลของศาสนาได้อย่างไร ในเมื่อเราปฏิบัติยังไม่เข้าเส้นทางที่ท่านชี้ไว้ให้เราเดิน


ผลที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวเราได้นี้น
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนอื่นจะประสิทธิ์ประสาทได้


ไม่ใช้จะมีใครบอกว่าจงเป็นสุข แล้วเราจะเป็นสุข จงมั่งคั่งเถิด แล้วเราจะมั่งมี นันไม่ใช่เรื่องเช่นนั้น ไม่เรื่องศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องที่มันเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ที่จะทำให้ใครเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป็นเรื่องที่เราจะต้องลงมือด้วยตัวเราเอง คือจะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่พระองค์ชี้ไว้ให้เราเดิน

ผู้ชี้ทางกับผู้มีหน้าที่เดินทาง

พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านได้ตรัสไว้ชัดเจนในเรื่องนี้ บอกว่า " ตถาคต เป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้ ส่วนการเดินทางนั้นเป็นหน้าของเธอทั้งหลาย "

พระองค์บ่งชัดไว้ในรูปอย่างนี้ บอกว่า

การเดินทางเป็นหน้าของเราเอง
พระองค์เป็นผู้ชี้ทางให้เดิน


เหมือนกับตำรวจจราจรที่ยืนอยู่ตามทางสี่แยก คอยโบกไม้โบกมือให้รถไปทางนั้น ทางนี้ ยืนชีอยู่ตรงนั้นรถมันก็ผ่านไป ตำรวจเป็นแต่เพียงผู้ชี้ทางให้รถไป แต่ว่าตำรวจไม่ได้ไป คนขับรถนั้นแหลละมีหน้าที่ต้องพารถไป ฉันใด

ในเรื่องชีวิตจิตใจของคนนี้ก็เหมือนกัน พระทุธเจ้าท่านชี้ทางไว้ให้เราเดิน ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะขับรถ คือร่างกายนี้ไป ใจนั่นแหละเป็นผู้ขับรถ

ร่างกายนี้เปรียบเหมือนกับรถได้เหมือนกัน มีล้อสี่ล้อ คือ เท่าสอง มือสอง แต่เราใช้เพียงสองล้า ไม่ได้ใช้สี่ เว้นไว้แต่คนขี้เมา บางครั้งก็ใช้สีล้อเหมือนกัน เราก็ต้องขับล้อนี้ไปตามเส้นทางที่พระผู้มีพระภาคชี้ไว้ให้เราเดิน เราก็จะไปถึงจุดหมายได้สมความตั้งใจ

ข้อปฏิบัติเพื่อนผู้มีความอันถูกต้อง

ในการปฏิบัติกาย วาจา ใจของเรานั้น ในเรื่องศีลเป็นการปฏิบัติขั้นต้น เราจะพอใจอยู่เพียงเท่านั้นไม่ได้ เพราะยังไม่ก้าวหน้า

เหมือนเด็เรียอยู่ชั้นประถม แล้ว ก็จะเรียนอยู่อย่างนั้นตลอดไป มันจะมีความเพิ่มเติมมากขึ้นได้อย่างไร เราต้องมีการสอบเลื่อนชั้น เลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขึ้นไปโดยลำดับ

เช่น เรารักษาศีลห้า รักษาศีลแปดอยู่แล้ว เราก็ควรจะเลื่อนชั้นทางด้านจิตใจ คือ การทำการฝึกสมาธิ เพื่อทำใจให้มี ความมั่่นคง มีความสงบ แล้วมีความบริสุทธิ์ เหมาะที่จะใช้งานในการคิดนึกอะไรๆต่อไป อันเป็นก้าวสองที่เราจะเดินก้าวไป

ใจ....เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต

" ทำไมจะต้องมีการฝึกจิตด้วย "

เรื่องในชีวิตของคนเรานั้น เรื่องของใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ใจเป็นใหญ่ เป็นประธานในการกระทำและการพูด

ถ้าคิดชั่ว   การพูด  การกระทำ  ก็ชั่ว
ถ้าคิดดี     การพูด  การกระทำ  ก็ดี

แล้วก็เกิดผลประทับลงที่ใจของบุคคลนั้น

ถ้าคิดดี   ผลที่เกิดขึ้นก็เป็นรอยลงในทางดี
ถ้าคิดชั่ว  ผลที่เกิดขึ้นก็เป็นรอยลงในทางชั่ว

อะไรๆที่เกิดขึ้นในชีวิต มันติดอยู่ที่ใจของเราทั้งนั้น เป็นเรื่องหนีไม่พ้น

เพราะฉะนั้น คนเราจะทำอะไรล่ะ ก็จะต้องมีใจเป็นผู้นำก่อน มีใจเป็นหัวหน้า อะไรๆต่างๆก็สำเร็จมาจากใจของเราทั้งนั้น เรื่องของใจจึงงเป็นเรื่องำคัญของชีวิต

เหตุทำทำให้เกิดความวุ่นวายในชีวิตและสังคม

แต่ว่าคนเราส่วนมาก มักจะไม่สนใจในเรื่องภายในคือใจ สนใจในเรื่องภายนอกคือร่างกาย แสวงหาอะไรต่างๆให้ใจ อาหารกายรับประทานกันด้วยราคาแพง ส่วนอาหารใจไม่ต้องลงทุนซื้อหาแต่ว่าเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสรับอาหารใจ

สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ใจนั้นลงทุนน้อย แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กายนั้นลงทุนมาก เรามักจะลงทุนกันเป็นการใหญ่เพื่อร่างกายไม่ค่อยจะคิดลงทุนเพื่อใจ

แม้เราจะสร้างวัตถุอะไรๆทางศาสนา ความจริงสิ่งที่เราสร้างนั้นเพื่อประโยชน์แก่การสร้างจิตใจ แต่ว่าสร้างแล้วก็ไม่ค่อยจะไปใช้กัน สร้างศาลาหลังใหญ่ ก็ไม่ไปใช้ สร้างโบสถ์แล้วก็ไม่ไปใช้ สร้างวัดแล้วก็ไม่ได้ใช้ แต่สนามม้าไม่ต้องสร้างก็ชอบไปใช้ โรงหนัง ไม่ต้องสร้างก็ไปใช้ อะไรอื่นที่มันทำให้เหลวไหลคนชอบไปใช้กันมาก แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ทางจิตทางวิญญาณนั้น  คนใช้น้อย

เพราะ...................
คนใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่จิตแก่วิญญาณน้อนนี้แหละ
มันจึงได้เกิดปัญหา
และมีความวุ่นวายกันเต็มบ้านเต็มเมือง
สร้างความทุกข์สร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นบ่อยๆ

โดยเฉพาะในเมืองไทยเราสมัยนี้ จะพบว่ามีความวุ่นวายเกิดมากชึ้น นอนก็ไม่ค่อยจะเป้นสุข นั่งรถโดยสารไปไหนก็ไม่ค่อยจะเป็นสุข เพราะกลัวว่าคนมันจะมาตีกันในรถ กลัวเขาจะเอาก้อนหินขว้างมาถูกโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากอะไร มันก็เกิดขึ้นจากความบกพร่องทางจิตใจ

ความเจริญทางวัตถุกับอนาคตของมนุษย์

คนเราในสมัยนี้เป็นโรคจิตทรามกันมาก เพราะไม่ค่อยจะได้กินยา อาการของโรคมันจึงกำเริบเสิบสาน มีอาการที่เราเรียกว่าแทรกซ้อนมากมาย เป็นเกตุให้ทำอะไรแปลกๆมากขึ้นทุกวัน ทุกเวลา

ความเจริญก้าวหน้าในทางด้านวัตถุ
ที่มีมากขึ้นทุกวันเวลานั้น
คล้ายๆกับเป็นของแสลงแก่ใจคน
ทำให้คนติดใจ หลงไหล มัวเมา
เป็นการเพิ่มโรคทางวิญญาณมากขึ้น
ทุกวัน....และ....ทุกเวลา
อนาคตของชีวิตมนุษย์เรานี้
มันกำลังเดินไปตามเส้นทางที่ลาดชัน
แล้วจะตกลงไปในเหวลึกซึ่งมองไม่เห็นกัน
แล้วไม่สามารถจะขึ้นจากเหวนั้นได้
เราก็จะได้รับความทุกข์ความเดิอดร้อนตลอดไป

แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนั้นมันกำลังจะเกิดขึ้น เพราะว่าคนเราไม่คิดหาเหตุผลในเรื่องอันตนได้กระทำ ทำอะไรไปตามอารมณ์ ทำอะไรๆไปตามอำนาจของความอย่าก ทำอะไรๆไปตามอำนาจของความปรารถนา ไม่ได้คิดว่าเมื่อเราทำอย่างนี้อะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา  อะไรจะเกิดขึ้นแก่ส่วนรวม อนาคตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นเราไม่ได้พิจารณา

เมื่อไม่ได้พิจารณาในเรื่องอย่างนี้ เราก็ทำไปด้วยความหลงใหลเข้าใจผิดโดยไม่รู้สึกตัว คล้ายๆกับคนนั่งทำกรงขังตัว ในชั้นแรก  ก็ทำแต่เพียงกันของกรงนั้นสานขึ้นไปๆแล้วโดยที่สุด ตัวออกไม่ได้เพราะติดอยู่กรงขังตัวเอง

อันนี้เป็นฉันใด ในชีวิตของคนเราส่วนมากเป็นเช่นนั้นสร้างสิ่งที่เป็นเครื่องกั้นขวางจิตใจของคน ไม่ให้เจริญงอกงามในด้านธรรมะ ไม่ให้ก้าวไปเพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง ไม่ให้ก้าวไปเพื่อความหลุดพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะว่าไปสร้างอะไรๆกักขังตัวเองเอาไว้ตลอดเวลา

สิ่งที่เราสร้างขึ้นมานั้นมันประกอบด้วยอะไร

ประกอบด้วย รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นที่น่าปรารถนาน่าพึงอกพึงใจ แล้วประบขึ้นด้วยความอยากได้ อยากจะมี อยากจะเป็น ในสิ่งนั้น จนไม่รู้ว่า เรามีกันไปเพื่ออะไร เราเป็นกันไปเพื่ออะไร เราได้สิ่งนั้นมาแล้วเราจะเป็นอะไร หรืออะไรมันจะเกิดแก่เราต่อไป

เกิดมามีชีวิตอยู่ ต้องคิดเสียก่อนทำ

เราไม่ได้คิดอะไรให้ละเอียดในเรื่องอย่างนั้น จิตใจจึงไหลไปตามอำนาจของสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ เช่นว่า นักเรียนยกพวกตีกันไปตีกับใครๆ เราไม่ได้คิดว่าพวกเราไปทำถูกหรือทำผิด ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีอะไรเป็นมูลฐาน เราหรือเขาเป็นผู้เรื่องนั้นขึ้นมา แต่ว่าเพราะความรักพวกอย่างงมงาย รักโรงเรียรอย่างงมงาย

พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็ยกพวกเฮโลกันไปเลย แล้วก็ไปทุบไปตีกันหัวร้างข้างแตก ถูกจับไปโรงพักบ้าง ไปนอนอยู่โรงพยาบาลบ้าง เวลาไปถูกกักขังหรือไปเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นก็นึกได้ว่า สิ่งที่ทำไปนั้นมันไม่ดี แต่เมื่อนึกได้นั้น ตัวนอนเจ็บอยู่เสียแล้ว หรือไปอยู่ในกรงขังเสียแล้ว

การนึกได้อย่างนั้นไม่ช่วยให้เกิดอะไรขึ้นแก่คนนั้นเพราะว่าไปคิดได้ในภายหลัง

คนโบราณจึงสอนว่า " กันไว้ดีกว่าแก้ "
จึงควรคิดเสียก่อนที่จะไปทำ

เช่น มีใครคนหนึ่งมาบอกว่าพวกเราถูกตี ก็ควรจะได้สอบถามกันให้ละเอียดว่า ถูกตีเพราะอะไร เราไปตีเขาก่อนหรือว่าเขามาตีเราก่อน ถ้าได้ศึกษาให้ละเอียดอย่างนั้น ก็จะเกิดความขึ้นในใจ แล้วไม่ทำอะไรด้วยอารมณ์หุนหันพลันแล่น

ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ  ดีกว่า

คนส่วนมากมันขาดที่ตรงนี้ คือขาดการใครครวญพิจารณาหาเหตุผลในเรื่องอะไรๆ

พระจึงสอนไว้ว่า นสมฺม กรณํ เสยฺโย
ใครครวญก่อนแล้วจึงทำ  ดีกว่า

การทำอะไรด้วยความหุนหันพลันแล่นนั้น มักจะเสียหาย ขับรถผลุนผลัน ก็ชนกันแหลกไปเลย เดินผลุนผลันก็ลมลงไปก็ได้ กินิะไรอย่างผลุนผลัน ถ้างมันก็ติดคอได้

เรื่องผลุนผลันไม่ดีทั้งนั้น ควรทำอะไรด้วยการพินิจพิจารณาให้ดี ฉะนั้นท่านจึงสอนให้ฝึกการควบคุมตัวเรา จะเดินให้รู้ จะนั่งก็ให้รู้ จะลุกขึ้นก็ให้รู้ จะเหยียดแขนเหยียดมือ หันหน้าไปซ้าย ไปขวา ก้าวไปหรือถอยกลับท่านบอกให้คอยกำหนดทั้งนั้น

การกำหนดเช่นนั้นเป็นการกระที่ไม่พลาด เพราะทำอะไรด้วยการควบคุมอยู่ตลอดเวลา อะไรๆที่มีการควบคุมนั้น มักจะไม่เสีย แต่ถ้าขาดการควบคุมเมื่อใดแล้ว ก็เกิดเรื่องเมื่อนั้น

ควบคุมตนได้ เหนื่อยชั้นต้น สบายปลายมือ

คนเรานั้นทำไมจึงไม่ค่อยจะได้ควบคุมตัวเอง การคุมตัวเองมันหนัก เหนื่อยในชั้นต้น ความสบายปลายมือ แต่ว่าคนเราขาดความอดทน จึงไม่สามารถจะควคุมตัวเองไว้ได้ เรามีแต่เรื่องการตามใจตัวเอง การปล่อยไปตามอารมณ์ ปล่อยไปตามอำนาจของสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เคยกำหราบปราบปรามตัวเอง จึงยากแก่การที่จะควบคุมตัวเอง

ควบคุมจนเคยชินเป็นปกติก็จักเป็นศีล

แต่ถ้าหากเราคุมบ่อยๆ ประพฤติในเรื่องนี้บ่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชิน พอชินต่อการหักห้ามใจแล้ว เราก็ไม่มีอะไรเดือดร้อน เราทำเป็นปกตินิสัย สิ่งใดที่ทำจนเป็นปกติ มันก็เป็นศีลสำหรับบุคคลนั้น เพราะว่า ศีลนั้นเขาแปลว่าปกติก็ได้ เช่น เราตื่นเช้าเป็นปกติ ก็เรียกว่า มีศีลของคนตื่นเช้า เราทำอะไรๆเป็นปกติ ก็เรียกว่ามีศีลในรูปนั้น เราก็สบาย

จากหนังสือแสดงธรรมะของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

Thursday, January 26, 2017

ทำไมต้องจุดประทัดใส่เสื้อแดงในวันตรุษจีน






วันตรุษจีน ขออวยพรให้ทุกๆท่านร่ำรวย
สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมปรารถนานะครับ

ทำไมต้องจุดประทัดและใส่ชุดสีแดงล่ะ?
ในวันตรุษจีนของทุกๆปีหาคำตอบได้ที่นี่

Wednesday, January 25, 2017

แจก Deal สำหรับนักช็อปออนไลน์




ที่มา lazada




ที่มา : Big C




ที่มา lazada

มีโปรโมชั่นอะไรดีๆ สำหรับนักช็อปออนไลน์ ก็จะนำมาแจกกันอีกนะครับ ถ้าชอบ หรือ ไม่ชอบอย่างไร ติชมมาได้นะครับ กดรับสมัครรับข่าวสาร เพื่อจะได้รับ Deal ในการซื้อสินค้าได้ถูกลงขอบคุณครับ.............

วิธีทำปาท่องโก๋

วิธีทำปาท่องโก๋ ง่ายๆ 2 สูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อย ให้คุณทำขาย

หนังสือเสียง : ความกลัวไม่มีในโลก มีแต่ความคิดที่ขลาดกลัว


ที่มา  youtube : https://youtu.be/yGN56zXuR80

แอนดรูว์ บิ๊ก-คริสโตเฟอร์ ไรท์ –อนุสรณ์ ร่วมถกสพฐ.ทำซีดีติวเด็ก

ที่มา มติชนออนไลน์
25 ม.ค. 60

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วม กับผู้บริหารสถาบันกวดวิชาและติวเตอร์ชื่อดัง อาทิ อนุสรณ์ ศิวะกุล นายกสมาคมโรงเรียนกวดวิชา คริสโตเฟอร์ ไรท์ และแอนดรูว์ บิ๊กส์ ติวเตอร์สอนวิชาภาษาอังกฤษ

Monday, January 23, 2017

คำคมสอนใจ คลิปวิดีโอ


ถ้าชอบ หรือ ไม่ชอบ ช่วยคอมเม้นท์ นะครับ อยากให้ทำออกมาแนวไหน รับคำติและชมได้นะครับขอบคุณครับ

ธรรมะสอนใจเรื่อง โลกนี้มีแต่ความทุข์

ธรรมะสอนใจ โลกนี้มีแต่ความทุกข์


โลกนี้มีแต่ความทุกข์ ธรรมะสอนใจโดยหลวงพ่อปัญญานันทะ

โลกนี้มีแต่ความทุกข์ เป็นธรรมะสอนใจ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้นเป็นความจริง ให้เราพิจารณา เราอย่าไปเชื่อตามที่พระองค์บอกก่อน แต่เราเอาไปนั่งคิดพิจารณาไตร่ตรองในเรื่องนี้


ํธรรมะสอนใจเรื่อง จุดหมายสำคัญของพระพุทธศาสนา

ธรรมะสอนใจ จุดหมายสำคัญของพระพุทธศาสนา


ธรรมะสอนใจเรื่อง จุดหมายสำคัญของพระพุทธศาสนา

เรื่องที่เรามาฟังธรรมกันทุกวันอาทิตย์เพื่ออะไร เพื่อความพ้นจากความทุกข์อันนี้เป็นจุดหมายสำคัญ คือ จุดหมายสำคัญในทางพระพุทธศาสนา ข้อปฏิบัติตั้งแต่ศีล สมาธิ ปัญญา ขขึ้นไปโดยลำดับก็มีเป็าหมายสำคัญอยู่ที่ต้องการทำตนให้พ้นจากกองทุกข์นั้นเอง


Friday, January 20, 2017

คำคมธรรมะ พระนพดล สิริวโส


คนดีสร้างบารมี ไม่มีข้อแม้ คนแย่ มีข้อแม้ไม่สร้างบารมี

"คนดี สร้างบารมี 
ไม่มีข้อแม้ 
คนแย่ มีข้อแม้
ไม่สร้างบารมี "

จงเติบโตจากความผิดพลาด จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง



"จงเติบโต จากความคิดพลาด 
จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง 
จงเมตตากับความรู้สึกที่เกลียดชัง

การเป็นคนดีที่ไม่โด่งดัง 
ยังดีกว่าเป็นคนดังในทางไม่ดี"


                       

" ทำดีไม่มีคนเห็นก็เป็นบุญ "

Thursday, January 19, 2017

10 คำพูดทรงพลังของสตีพ จ๊อบ




ประวัติ สตีฟ จ๊อบ





สตีเวน พอล จอบส์ (อังกฤษ: Steven Paul Jobs) หรือที่รู้จักในชื่อ สตีฟ จอบส์(อังกฤษ: Steve Jobs; 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 - 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน

Tuesday, January 17, 2017

คำคมสอนใจ



จงเติบโตจากความผิดพลาด จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง



"จงเติบโต จากความคิดพลาด 
จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง 
จงเมตตากับความรู้สึกที่เกลียดชัง

การเป็นคนดีที่ไม่โด่งดัง 
ยังดีกว่าเป็นคนดังในทางไม่ดี"


                       

" ทำดีไม่มีคนเห็นก็เป็นบุญ "

Monday, January 16, 2017

แนวคิดดีดีของ คุณอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของแลนด์แอนด์เฮ้าท์


แนวคิดของ "อนันต์ อัศวโภคิน" แห่งแลนด์แอนด์เฮาท์ บอกว่า คนที่ประสบความสำเร็จจะต้องเรียนเก่งจริงหรือ 
คุณอนันต์ก็ให้แง่คิดง่ายๆ ในการปูพื้นฐานนิสัยที่ดีจาก 5 ห้องในบ้าน ทั้งห้องนอน ,ห้องน้ำ ,ห้องทำงาน , ห้องแต่งตัวและห้องทานข้าว  ข้อมูลจาก Voice TV

Friday, January 13, 2017

หนังสือเสียงพลังแห่งการคิดบวก



พลังของการคิดบวกนั้นทำให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวันท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
คลิปเผยแพร่ทางYouTube โดยผู้ใช้ชื่อว่า
Audiobook By JR
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2017
https://youtu.be/sAIebbBV1WU